สังฆกรรม คือ งานของสงฆ์ กรรมที่คณะสงฆ์พึงทำ กิจที่คณะสงฆ์จะพึงกระทำร่วมกัน จะกระทำเพียงรูปเดียว หรือสองรูป สามรูป ไม่ได้เพราะถือว่าเป็นกิจของคณะสงฆ์ทั้งหมด ซึ่งจะใช้สงฆ์จำนวนกี่รูปนั้นก็สดแท้แต่ กรรมที่สงฆ์พึงกระทำ เช่น การบวชพระ ต้องใช้สงฆ์ ๕ รูป ๑๐ รูป หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับพระวินัยบัญญัติไว้ ซึ่งสังฆกรรมทั้งหมด มี ๔ ประเภท คือ
- อปโลกน์นกรรม กรรมที่ทำเพียงด้วยบอกกันในที่ประชุมสงฆ์ ไม่ต้องตั้งญัตติ (คำเผดียงสงฆ์, ประกาศให้สงฆ์ทราบเพื่อทำกิจร่วมกัน, วาจานัดและไม่ต้องสวดอนุสาวนา(คำสวดประกาศความปรึกษา และตกลงของสงฆ์, คำขอมติ) เช่น แจ้งการลงพรหมทัณฑ์แก่ภิกษุ
- ญัตติกรรม กรรมที่ทำเพียงตั้งญัตติไม่ต้องสวดอนุสาวนา เช่น การสวดปาติโมกข์ และไม่ต้องสวดอนุสาวนา เช่น การสวดปาติโมกข์ และการปวารณาออกพรรษา
- ญัตติทุติยกรรม กรรมที่ทำด้วยตั้งญัตติแล้วสวดอนุสาวนาหนหนึ่ง เช่น การสวดให้ผ้ากฐิน (ถวายผ้ากฐิน) การสวดในการสมมติสีมา (การสวดในเวลาที่มีการตัดลูกนิมิต เมื่อสร้างโบสถ์เสร็จใหม่ ๆ)
- ญัตติจตุตถกรรม กรรมที่ทำด้วยตั้งญัตติแล้วสวดอนสาวนา ๓ หน เช่น การสวดนาคในการบวช (อุปสมบท) เป็นพระ การประพฤติวุฏฐานวิธี(ปริวาสกรรม) การให้มานัต
อปโลกนกรรม
แบ่งออกเป็น ๕ คือ
- นิสสารณา คือ การขับไล่สามเณรผู้กล่าวตู่พุทธพจน์
- โอสารณา คือ การรับเอาสามเณรผู้เช่นนั้น ผู้ประพฤติดีแล้วเข้าหมู่
- ภัณฑูกรรม คือ การขออนุญาตปลงผมแก่ผู้เตรียมตัวจะบวช
- กัมมลักขณะ ประกาศนัดแจกอาหารในโรงฉัน
ญัตติกรรม
แบ่งออกเป็น ๙ คือ
- โอสารณา เรียกอุปสัมปทาเปขะผู้ถูกถามอันตรายิกธรรมแล้วเข้าหมู่
- นิสสารณา ประกาศถอนพระธรรมกถึกออกเสียจากการระงับอธิกรณ์
- อุโบสถ แสดงพระปาติโมกข์ทุกกึ่งเดือน
- ปวารณา เปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ เช่นการปวารณาออกพรรษา
- สมมติต่างเรื่อง สมมติตนหรือผู้อื่นเป็นผู้ถามอันตรายิกธรรม
- การให้ ให้คืนจีวรและบาตรเป็นต้นที่เป็นนิสสัคคีย์
- ปฏิคคหะ รับอาบัติอันภิกษุแสดงในสงฆ์
- ปัจจุกัฑฒนะ ประกาศเลื่อนปวารณาออกไป
- กัมมลักขณะ ประกาศเริ่มต้นระงับอธิกรณ์ด้วยติณวัตถารกวินัย
ญัตติทุติยกรรม
แบ่งออกเป็น ๗ คือ
- นิสสารณา คือ คว่ำบาตร ประมาณคฤหัสถ์ผู้ให้ร้ายศาสนา
- โอสารณา คือหงายบาตร ถอนประมาณ ผู้เช่นนั้นอันประพฤติดีแล้ว
- สมมติต่างเรื่อง เช่น สมมติสีมา เป็นต้น
- ให้ต่างอย่าง เช่น ให้ผ้ากฐิน เป็นต้น
- ประกาศถอน หรือเลิกอานิสงส์กฐิน เป็นต้น
- แสดงที่สร้างกุฏิให้แก่ภิกษุ
- กัมมลักขณะ ได้แก่การสวดลำดับไปในการระงับอธิกรณ์ ด้วยติณวัตรถารกวินัย
ญัตติจตุตถกรรม
แบ่งออกเป็น ๗ คือ
- นิสสารณา ได้แก่สงฆ์ทำกรรม ๗ อย่าง มีตัชชะนียกรรม เป็นต้น แก่ภิกษุ
- โอสารณา ได้แก่สงฆ์ยกโทษแก่ภิกษุผู้กลับประพฤติดีแล้ว
- สมมติ สมมติภิกษุให้สอนนางภิกษุณี
- การให้ คือให้ปริวาสและมานัต
- นิคหะ คือ ปรับภิกษุผู้อยู่ปริวาสและมานัต ซึ่งต้องอาบัติสังฆาทิเสสซ้ำอีก
- สมนุภาสนา คือ สวดห้ามภิกษุไม่ให้ดื้อรั้น ในการกระทำอันมิชอบ
- กัมมลักขณะ ได้แก่ การอุปสมบท และอัพภาน แก่อัพภานารหภิกษุ
กรรมวิบัติ
มี ๔ ประการ คือ
- วิบัติโดยวัตถุ เช่น อุปสมบท หรือบวชคนที่อายุยังไม่ครบเป็นต้น
- วิบัติโดยสีมา เช่น สีมาคาบเกี่ยว
- วิบัติโดยปริสะ เช่น ประชุมสงฆ์ไม่ครบองค์
- วิบัติโดยกรรมวาจา เช่น สวดบกพร่องมีการไม่ตั้งญัตติ หรืออนุสาวนาอย่างใดอย่างหนึ่ง
อักขรวิธี
ประเภทแห่งพยัญชนะมี ๑๐
ภิกษุผู้สวดกรรมวาจา จะต้องสนใจในอักขรวิธีหรือประเภทแห่งพยัญชนะ ๑๐ ประการ
- สิถิล ได้แก่ พยัญชนะที่ออกเสียเพลา คือ พยัญชนะตัวที่ ๑ และตัวที่ ๓ ในวรรคทั้ง ๕
- ธนิต พยัญชนะที่ออกเสียงแข็งได้แก่ พยัญชนะตัวที่ ๒ และตัวที่ ๔ ในวรรคทั้ง ๕
- ทีฆะ ได้แก่สระที่ออกเสียงยาว เช่น อา อี เอ โอ
- รัสสะ ได้แก่ สระที่ออกเสียงสั้น เช่น อ อิ อุ
- ครุ ได้แก่สระที่มีพยัญชนะสังโยค คือ มีพยัญชนะสะกด เช่น พุทฺธรกฺขิตตสฺส นกขมติ
- ลหุ ได้แก่ สระที่ไม่มีพยัญชนะสังโยค คือ ไม่มีพยัญชนะสะกด เช่น พุทฺธรกฺขิตตสฺส น ขมติ
- นิคหิต ได้แก่ อักขระที่ว่ากดเสียง เช่น สฺงฆํอุปสมฺปทํ
- วิมุต ได้แก่อักขระที่ว่าปล่อยเสียง เช่น สุณาตุเอสา ญตติ
- สัมพันธ์ ได้แก่บทที่เข้าสนธิเชื่อมกับบทอื่น เชน ตุณฺหสฺส
- ววัตถิตะ ได้แก่บทที่แยกออกจากกัน เช่น ตุณฺหี อสฺส
กรรมเสียเพราะว่าผิดพลาด ๔ สถาน คือ
- ว่าสิถิลเป็นธนิต เช่นว่า สุณาตุ เม เป็น สุณากุ เม
- ว่าธนิตเป็นสิถิล เช่น ว่า ภนฺเต สงฺโฆ เป็น พนฺเต สงฺโค
- ว่าวิมุตเป็นนิคหิต เช่นว่า สุณาตุ เม เป็น สุณนฺตุ เม
- ว่านิคหิตเป็นวิมุต เช่นว่า ปตฺตกลฺลํ เป็น ปตฺตกลฺลา ว่าผิดพลาดอีก ๖ สถาน
กรรมวาจาไม่เสีย แต่ควรในใจ ว่าให้ถูกต้อง
แสดงความคิดเห็น