ตรัสรู้

นางอุตตราและนางสิริมา

ในกรุงราชคฤห์นั้น มี นางสิริมา เป็นหญิงนครโสเภณีชั้นสูงแทนมารดา นางเป็นน้องสาวของหมอชีวกโกมารภัจจ์ ซึ่งต่อมาได้เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระบรมศาสดา นางสิริมาเป็นหญิงที่มีความงามจนผู้ชายทุกคนที่ยังหลงใหลในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ปรารถนาจะได้ร่วมอภิรมย์กับนาง แต่จะต้องจ่ายทรัพย์ต่อหนึ่งคืนสูงถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ หรือ ประมาณ ๔,๐๐๐ บาท ในสมัยนั้นซึ่งนับว่าเป็นราคาที่สูงมาก

ในครั้งนั้นยังมีเศรษฐีนีผู้หนึ่งนามว่า นางอุตตรา เป็นภรรยาของเศรษฐีผู้มั่งคั่งแห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ สามีของนางและท่านสุมนเศรษฐีผู้บิดาของสามีเป็นชนมิฉาทิฏฐิ ส่วนนางอุตตรานั้นมีจิตเลื่อมใสมั่นคงในพระพุทธศาสนา หลังจากแต่งงานแล้วนางไม่ค่อยมีโอกาสได้สร้างบุญกุศลเหมือนแต่ก่อน ทำให้รู้สึกเศร้าหมองไม่มีความสุข ด้วยเหตุนี้จึงส่งคนไปแจ้งความเดือดร้อนต่อท่านปุณณกเศรษฐีผู้เป็นบิดาของตนผู้ซึ่งในอดีตเคยเป็นลูกน้องเก่าของท่านสุมนเศรษฐี แต่เนื่องจากได้ถวายภัตตาหารแด่พระสารีบุตรเถระขณะออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ ๆ ผลบุญส่งผลให้ได้เป็นเศรษฐีคนหนึ่งในนครราชคฤห์ นางอุตตราได้ขอทรัพย์จำนวนหนึ่งจากผู้เป็นบิดาเพื่อนำมาบำเพ็ญกุศล ครั้นได้ทรัพย์มาสมดังตั้งใจแล้วนางจึงขอโอกาสทำบุญต่อสามี ๑๕ วัน โดยจ้างนางสิริมาให้ทำหน้าที่ภรรยาแทนตน เมื่อได้รับอนุญาตจากสามีแล้ว นางอุตตราจึงทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมเหล่าภิกษุสงฆ์ให้มารับอาหารบิณฑบาตที่เรือนของนางตลอด

๑๕ วัน พระพุทธองค์ทรงพระกรุณาได้ให้การอนุเคราะห์พาพระภิกษุสงฆ์มาทำภัตกิจ ณ เรือนนางอุตตราอุบาสิกาและทรงแสดงธรรมเทศนาโปรดทุกวัน

ครั้นถึงวันที่ ๑๔ เศรษฐีสามีของนางเห็นภรรยาของตนพร้อมทั้งบ่าวไพร่ช่วยกันตระเตรียมอาหารถวายพระสมณะด้วยความวุ่นวาย นึกขันในใจว่า ภรรยาของเรานี้แทนที่จะนั่งให้เป็นสุขในเรือนของตน กลับหาเรื่องเหน็ดเหนื่อยวุ่นวาย ส่วนนางอุตตราเห็นว่าสามีประมาทมัวเมาในชีวิต มัวแต่กินบุญเก่าคิดว่าตัวเองร่ำรวยจึงไม่ทำบุญสร้างกุศล นางได้หัวเราะในความโง่เขลาของสามี ขณะนั้นนางสิริมายืนเคียงข้างอยู่กับเศรษฐี คิดว่านางอุตตราหัวเราะเยาะตนบังเกิดความหึงหวงจนลืมตัวสำคัญว่าตนเป็นภรรยาของเศรษฐีมิใช่หญิงโสเภณีที่นางอุตตราจ้างมา จึงผลุนผลันลงจากเรือนตรงไปในครัวแล้วคว้าทัพพีตักน้ำมันในกระทะที่กำลังเดือดพล่านเทราดนางอุตตราตั้งแต่ศรีษะลงไปทั่วตัว

ด้วยอำนาจความเมตตาที่นางอุตตรามีให้แก่นางสิริมา ทำให้นางมิได้มีความโกรธเคืองทั้งยังเห็นนางสิริมาเป็นผู้มีบุญคุณเพราะได้ยอมมาทำหน้าที่ภรรยาชั่วคราว นางอุตตราจึงมีโอกาสได้สร้างบุญกุศลสมความตั้งใจ ด้วยเหตุนี้น้ำมันที่ราดลงบนศีรษะของนางอุตตราจึงเย็นเหมือนน้ำหอมที่ชโลมบนผิวกาย แม้บรรดาคนรับใช้จะแสดงความโกรธแค้นพากันประทุษร้ายต่อนางสิริมา นางอุตตราก็รีบห้ามปรามมิให้ทำอันตรายต่อหญิงผู้เปรียบเสมือนเพื่อนรักของเธอ เป็นเหตุให้นางสิริมาได้สติสำนึกตัวเกิดความรักเคารพและยำเกรงนางอุตตราถึงกับก้มกราบแทบเท้าเพื่อขออภัยโทษ นางอุตตรากล่าวให้อภัยและชักชวนให้นางสิริมาร่วมสร้างบุญกุศลและฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาในวันพรุ่งนี้

พระบรมศาสดาทรงอนุโมทนาในธรรมจริยาของนางอุตตราและตรัสคาถาประทานว่า

“บุคคลพึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ
บุคคลพึงชนะความชั่วด้วยความดี
บุคคลพึงชนะความตระหนี่ด้วยความเสียสละ
บุคคลพึงชนะคำพูดพล่อย ๆ ด้วยคำสัตย์”

และพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมเทศนาโปรด เป็นเหตุให้นางสิริมากับหญิงคนรับใช้ได้บรรลุโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลขั้นโสดาปัตติผลในพระพุทธศาสนา ส่วนนางอุตตรานั้นมีความชำนาญทางฌานสมาบัติเป็นพิเศษ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องให้เป็นยอดแห่งสาวิกาฝ่ายอุบาสิกาผู้ได้ฌาน

นางสิริมาได้ทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมเหล่าภิกษุสงฆ์ให้เสด็จมารับอาหารบิณฑบาต ณ เรือนของตนในวันรุ่งขึ้น พร้อมประกาศตนเป็นอุบาสิกาในพระพุทธศาสนา ขอให้พระพุทธองค์จัดส่งภิกษุสงฆ์มารับอาหารบิณฑบาตในเรือนของตนวันละ ๘ รูปเป็นประจำทุกวัน อีกทั้งนางได้เลิกเป็นหญิงโสเภณีนับแต่นั้นมา

แสดงความคิดเห็น
เว็บไซต์พุทธะ
คำว่า “พุทธะ” นอกจากจะหมายถึง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังหมายถึง การเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน โดยการปฏิบัติธรรมตามหลักธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกด้วย

แสดงความเห็น