ฝ่ายท้าวสหัมบดีพรหม ผู้สถิตอยู่ ณ พรหมโลก ทราบพุทธดำริ ทรงวิตกว่าพระพุทธองค์จะทรงละเลยกิจที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตได้ทรงปฏิบัติ คือ ทรงจะแสดงพระสัทธรรมโปรดหมู่เวไนยสัตว์ในภพทั้งหลาย คือพรหมภูมิ สวรรค์ภูมิ มนุษย์ภูมิ ด้วยเมื่อพระโพธิสัตว์ทรงบรรลุธรรมแล้วจะทรงน้อมพระทัยไปสู่การเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน เหตุนั้น ท้าวสหัมบดีพรหม จึงได้ชักชวนหมู่พรหมและทวยเทพในภพสวรรค์ เสด็จมาชุมนุมต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระบรมศาสดา แล้วกล่าวคำทูลอารธนาให้ทรงแสดงธรรมว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดแสดงธรรมเถิด อันเป็นการเกื้อประโยชน์สุขแก่มวลมนุษย์ สรรพสัตว์ตลอดจนเทพยดาทั้งหลายในสากลจักรวาล” นั่นจึงเป็นที่มาของการที่เมื่อพุทธบริษัทประสงค์ที่จะกราบอาราธนาให้พระสงฆ์ได้เมตตาแสดงธรรม ก็จะใช้คำอาราธนาที่ขึ้นต้นด้วยประโยคอาราธนา ดังนี้
พรัมมา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติ
กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ
สันธีธะ สัตตาปปะระชักขะชาติกา
เทเสตุธัมมัง อะนุกัมปิมังปะชัง
แปลได้ใจความดังนี้
ท้าวสหัมบดีพรหมผู้เป็นอธิบดีของโลก
กราบทูลวิงวอน สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
ผู้ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลายที่มีธุลี
คือ กิเลสในดวงตาเบาบางยังมีอยู่ในโลกนี้
ขอพระองค์ทรงแสดงธรรมอนุเคราะห์หมู่สัตว์นี้เถิด