ปกิณกธรรม

เจริญพรหมวิหารธรรมมากๆ – หลวงพ่อกัณหา

ให้ทุกท่านทุกคนพากันนั่งให้สบาย จะนั่งอยู่บนพื้นก็ให้สบาย นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ให้สบาย หายใจเข้าก็ให้สบาย หายใจออกก็ให้สบาย ให้มีความสุขในการนั่ง ให้มีความสุขในการหายใจให้สบาย

ค่ำคืนวันนี้วันที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ คณะสงฆ์ พระมหาเถระ พระเถระมาจากหลายวัดทั่วประเทศไทย พร้อมด้วยญาติ ๆ คณะกรรมการผู้บริหารบริษัทไทยทีวีสีช่อง ๓ พร้อมด้วยพนักงาน เจ้าหน้าที่ ญาติธรรม แขกผู้มีเกียรติ ได้บําเพ็ญบุญบําเพ็ญกุศลพิเศษให้กับคุณพ่อวิชัย มาลีนนท์ ที่ท่านได้ละสังขารวายชนม์จากไป

ท่านเป็นคนดีมาก ๆ ดีพิเศษ ท่านเป็นบุคคลตัวอย่างแบบอย่างในการดําเนินชีวิตอันประเสริฐ เป็นปูชนียบุคคลเป็นผู้ตั้งมั่นในคุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของพระอริยสงฆ์ คุณของพระมหากษัตริย์ มีจิตใจที่ประเสริฐมาก ทุก ๆ คนรักท่าน เคารพนับถือท่าน เพราะว่าท่านมีจิตใจที่สวยสดงดงาม มีปฏิปทาที่งดงาม ตั้งแต่ปฐมวัยจนอวสานแห่งชีวิต

ครอบครัวญาติพี่น้อง ลูก ๆ หลาน ๆ วงศ์ตระกูลของท่าน เป็นคนดีมาก ๆ ผู้มีความตั้งมั่นในคุณของพระรัตนตรัย คือคุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของพระอริยสงฆ์ ในคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ตลอดถึงพระมหากษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ เป็นผู้ที่ตั้งในความกตัญญูกตเวที ลูกหลาน เหลนของท่าน ก็เป็นคนดีมาก เดินตามรอยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช

ชีวิตของคุณพ่อวิชัย มาลีนนท์ คือชีวิตที่เกิดมาอายุร่วมร้อยปี หนึ่งศตวรรษ เพื่อมาทําคุณงามความดี เพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน ทดแทนคุณ ของพระศาสนา ทดแทนพระคุณบิดามารดา เป็นตัวอย่างแบบอย่างให้กับกุลบุตรลูกหลานเหลน

ได้ชื่อว่าเป็นผู้ดําเนินชีวิตอันประเสริฐที่แท้จริง เดินตามรอยของพระพุทธเจ้า เดินตามรอยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ดําเนินเสด็จสู่สวรรคาลัย สู่มรรคผลพระนิพพาน สู่พระสัมมาสัมโพธิญาณ

คุณพ่อวิชัย มาลีนนท์ ที่ท่านเกิดมาเป็นมนุษย์ถือว่าท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐมาก ประเสริฐพิเศษ เป็นผู้เสียสละต่อประเทศชาติบ้านเมืองสังคมอย่างมากมาย

มนุษย์เราทุก ๆ คนที่เกิดมาถือว่าเป็นผู้ที่ประเสริฐมาก ประเสริฐพิเศษนะ

พระพุทธเจ้าให้เราเข้าใจอย่างนี้นะ เราจะได้พากันมาประพฤติมาปฏิบัติธรรมในชีวิตประจําวัน ร่างกายของเรานี้เปรียบเสมือนรถยนต์คันหนึ่ง ใจของเราเปรียบเสมือนเจ้าของรถยนต์ กายกับใจมันถึงเป็นคนละอย่างกันเรามีรถยนต์คันหนึ่ง สําหรับเอามาใช้งานในการเดินทางไกล เรามีร่างกายที่จะเอามาใช้เพื่อที่จะเดินทางไกล เพื่อใจจะได้เข้าถึงพระนิพพาน ใจของเราจะถึงพระนิพพานได้ก็ต้องอาศัยร่างกายประพฤติปฏิบัติธรรมะ

พระพุทธเจ้าท่านให้เราพากันมีความเห็นให้ถูกต้อง ให้เข้าใจให้ถูกต้อง เราจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องไม่ผิดพลาดในการดําเนินชีวิต ในชีวิตประจําวัน ร่างกายของเราทุก ๆ คน ที่ประกอบด้วยดิน น้ํา ลม ไฟ รวมกันเป็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เค้ามีอิทธิพลต่อใจของเราทุก ๆ คนมาก

ร่างกายนี้ต้องทานอาหารถึงอยู่ได้ ต้องมีที่ดินมีบ้านเอาไว้สําหรับอยู่อาศัยหลับนอนพักผ่อน ร่างกายนี้ถึงมีอิทธิพลต่อใจมาก ๆ เราเลยพากันมาเอาความสุขตั้งแต่ทางร่างกาย เมื่อเรามาเอาความสุขทางร่างกาย เมื่อกายของเรามันแก่ เจ็บ ตาย เราเลยพากันมีความทุกข์ เพราะเราไปเอากายกับใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

พระพุทธเจ้าท่านบอกท่านสอนเราว่า ให้เราแยกใจออกจากร่างกาย แยกใจออกจากเวทนา สุข ทุกข์ เฉย ๆ ที่มันมีอยู่ประจําร่างกายนี้ ให้แยกใจออกจากสัญญา ความจําได้หมายรู้ที่มันมีอยู่ประจําในร่างกายนี้ ให้แยกใจออกจากสังขาร ความปรุงแต่งต่าง ๆ นานา ที่มันอยู่ประจําในร่างกายนี้ ให้แยกใจออกจากวิญญาณ ตัวรับรู้ในสิ่งต่าง ๆ ประจําในร่างกายนี้

มนุษย์เราทุกคนน่ะ ถ้ายังมีลมหายใจอยู่มันก็จะมีสิ่งเหล่านี้ประจําอยู่ในร่างกายของมนุษย์ทุก ๆ คน ถ้าเราไม่เข้าใจพระธรรมคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา อิทธิพลของร่างกายนั้นย่อมครอบงําจิตใจของมนุษย์ทุก ๆ คนนะ

พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้เรามาหลงอยู่ในรูปร่างกายนี้เพราะรูปร่างกายนี้เป็นเพียงสภาวธรรมเท่านั้นเค้าทําหน้าที่ตามเหตุตามปัจจัยจนกว่าจะสิ้นอายุขัยหมดลมหายใจ

พระพุทธเจ้าสอนเราไม่ให้เราหลงในเรื่องกามคุณ กามคุณได้แก่ความสุขทางร่างกาย ถ้าเราหลงในกามคุณจะเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ให้มนุษย์ทั้งหลายสร้างบาป สร้างกรรม สร้างเวร สร้างภัย เบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เบียดเบียนสัตว์ต่าง ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทรัพยากรที่เราได้มาทั้งหมดนั้นมันมาจากการเบียดเบียนเป็นส่วนใหญ่ การที่มนุษย์ทุกคนมีการเรียนการศึกษา จบปริญญาตรี โท เอก เป็นคนเก่งเป็นคนฉลาดมากกว่าคนอื่น เราก็ย่อมเอาเปรียบคนที่เรียนน้อย ศึกษาน้อย ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถไม่เก่ง ไม่ฉลาด

พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนให้มนุษย์ทุกคนให้เป็นคนฉลาดมาก ๆ พร้อมทั้งเป็นคนดีมีคุณธรรมไปพร้อม ๆ กันไปในตัว ตั้งอยู่ในพรหมวิหารธรรม จะได้เสียสละช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ

ถ้าเรามาหลงอยู่ในกามคุณนั้นนะ จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ตั้งอยู่ในความประมาท เพลิดเพลินอยู่ในกามคุณ ใจของเราจะไม่มีพรหมวิหารธรรม

ที่มนุษย์เราทุก ๆ คนคิดว่าตัวเองมีพรหมวิหารธรรมนั้น ถือว่ายังมีน้อยมากนะ ยังไม่เพียงพอ ส่วนใหญ่นะเรายังไม่ได้เจริญเมตตาธรรม อย่างเรารักพ่อแม่ ญาติพี่น้อง วงศ์ตระกูล เพื่อนฝูง ใจของเรามันมีโมหะความหลงแอบแฝงอยู่ในใจ ความหลงที่ยึดมั่นถือมั่นว่าร่างกายนี้เป็นของ ๆ เรา พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนไว้ว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของ ๆ เรานะ เราต้องแยกใจออกจากร่างกาย เพราะสองอย่างนี้มันเป็นคนละอย่างกัน… กายเปรียบเสมือนกับรถยนต์คันหนึ่งใจของเราเปรียบเสมือนเจ้าของรถยนต์

ความเมตตาที่เป็นวิหารธรรมที่อยู่ในใจของเรานั้นยังมีอยู่น้อยมากนะ

พระพุทธเจ้าให้เราเจริญพรหมวิหารธรรมมาก ๆ ใจของเราจะได้เข้าถึงธรรมะ มีความเป็นธรรม ความยุติธรรม ปฏิบัติเดินตามรอยของพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าบําเพ็ญพุทธบารมีสี่อสงไขย แสนมหากัป ใช้เวลายาวนานมากตั้งหลายล้านชาติ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นครูผู้บอกผู้สอนของเหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เราทุก ๆ คนนั้นเพียงได้ยินชื่อพระพุทธเจ้าก็เป็นบุญเป็นกุศลหาประมาณมิได้ ถ้าเราได้ประพฤติได้ปฏิบัติตามก็ยิ่งมีบุญใหญ่มีอานิสงส์ใหญ่

พระพุทธเจ้าท่านเก่งมาก เก่งพิเศษ เก่งจริง ๆ สุดยอดจริง ๆ ท่านสอนให้มนุษย์ทุก ๆ คน เป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาด เป็นคนดีมีคุณธรรมประจําใจให้สร้างเหตุสร้างปัจจัย ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ไม่ให้หลง ไม่ให้เพลิดเพลินในกามคุณทั้งหลายดําเนินชีวิตด้วยสติ ด้วยปัญญาตั้งอยู่ในพรหมวิหารธรรม ประพฤติปฏิบัติให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบทั้งทางร่างกายและใจ

ให้เข้าถึงมนุษย์ สวรรค์ นิพพานตั้งแต่ที่เรายังมีชีวิตอยู่ที่เรายังไม่ตาย การดําเนินชีวิตของเราต้องเข้าถึงสวรรค์ เข้าถึงพระนิพพานในชีวิตประจําวัน พระพุทธเจ้าท่านตรัสหนทาง อันประเสริฐแห่งการดําเนินชีวิตได้แก่อริยมรรคมีองค์แปดประการ อริยมรรคมีองค์แปด ประการนั้นจะมีอยู่ในการดําเนินชีวิตของเราทุก ๆ คน ไม่ว่าเราจะเป็นประชาชนทั่วไป หรือว่าเป็นนักบวช เราต้องปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์แปดประการ อริยมรรคมีองค์แปดประการนั้นมีอะไรบ้าง

  1. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ : ความเห็นของเรายังไม่ชอบ เรายังมีความเห็นว่ารูปร่างกายนี้เป็นของ ๆ เรา… เราเอาใจกับกายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สิ่งที่ถูกต้องรูปร่างกายนี้ก็ส่วนหนึ่ง ใจของเราก็ส่วนหนึ่ง มันเป็นคนละอย่างกัน ความคิดความเห็นอย่างนี้เรียกว่า ความเห็นชอบที่ถูกต้องตามความเป็นจริง
  2. สัมมาสังกัปโป ความดําริชอบ : ความดําริของเรามันยังไม่ชอบ เค้ามีความหลงอยู่ในกามคุณทั้งหลาย ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส ลาภ ยศ สรรเสริญ ใจของเรายังไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ยังหลงอยู่ในกามคุณทั้งหลายเมื่อหลงอยู่ไม่ได้ตามความปรารถนาก็ย่อมเกิดความปฏิฆะ พยาบาท เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ตั้งอยู่ในความประมาท ความหลง ความเพลิดเพลิน พากันสร้างบาป สร้างกรรม สร้างเวร สร้างภัยทั้งทางตรงและทางอ้อม
  3. สัมมาวาจา การพูดจาชอบ : การพูดจาของเรามันยังไม่ถูกต้อง ยังมีการพูดโกหก หลอกลวง ด่าว่า พูดส่อเสียด ปากติดลูกระเบิด ติดปืนอาก้า เอ็มสิบหก เหน็บแนม ประจบประแจง นินทากาเลเหมือนเทน้ํา วิพากวิจารณ์ชาวบ้านชาวเมือง
  4. สัมมากัมมันโต การทําการงานชอบ : การทํางานของเราต้องไม่ทํางานที่เป็นบาปทั้งหลายทั้งปวง ทําแต่งานที่เป็นบุญเป็นกุศล ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่เบียดเบียนมนุษย์และสัตว์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
  5. สัมมาอาชีโว การเลี้ยงชีวิตชอบ : การเลี้ยงชีวิตของเราต้องไม่เบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่เบียดเบียนสัตว์ต่าง ๆ ไม่เอาความสุขจากความทุกข์ของมนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ
  6. สัมมาวายาโม ความเพียรชอบ : เราต้องเพียรพยายามไม่ให้บาปเกิดขึ้นในใจของเรา ใจของเราต้องเพียรพยายามไม่ให้บาปเกิดขึ้น เพียรพยายามละบาปที่มันมีอยู่ในใจของเราอยู่แล้วให้หมดไปจากใจ ทําความเพียรอย่างนี้ให้สม่ำเสมอด้วยความเพียร บาปนั้น ก็จะหมดไปในที่สุด
  7. สัมมาสติ การระลึกชอบ : เราต้องมีสัมมาสติมีสัมมาปัญญารู้ ตื่น เบิกบานในธรรมอยู่ตลอดกาลตลอดเวลา ไม่หลง ไม่เพลิดเพลิน ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท พัฒนาใจของเราให้เกิดสัมมาสติ สัมมาปัญญา ให้แยกใจออกจากสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบ ไม่ให้เกิดความหลง ความเพลิดเพลิน ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
  8. สัมมาสมาธิ ความตั้งใจมั่นชอบ : ทุก ๆ คนส่วนใหญ่นั้นใจของเราไม่มีสัมมาสมาธิเลย มีแต่นิวรณ์ทั้งห้าที่อยู่ในใจของเราทุก ๆ คนสัมมาสมาธิของเราต้องตั้งมั่น แข็งแรง มั่นคง ไม่หวั่นไหว ปราศจากนิวรณ์ทั้งหลาย สัมมาสมาธิต้องมีอยู่ในใจของเราอยู่ตลอดกาลตลอดเวลาทุก ๆ อิริยาบถ ต้องมีสัมมาสมาธิเพื่อเป็นพื้นเป็นฐานรองรับสัมมาปัญญา สัมมาปัญญาเป็นพื้นเป็นฐานรองรับให้เกิดธรรมะ ธรรมะเป็นพื้นเป็นฐานให้เกิดวิมุติ ความหลุดพ้น

พระพุทธเจ้าให้เราแยกใจออกจากกาย แยกกายออกจากใจ ให้เป็นคนละอย่าง อย่าไปเอาใจกับกายเป็นอันเดียวกัน นิวรณ์ทั้งห้าจะไม่ได้ครอบงําใจของเรา ใจของเราต้องมีสัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิของเรานั้นต้องมีอยู่กับเราตลอดเวลาทุก ๆ อิริยาบถทั้งสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน ต้องมีสัมมาสมาธิอยู่ตลอดสาย เหมือนแม่น้ําสายใหญ่ กว้าง ลึก ที่มันไหลติดต่อกันไม่ขาดสาย อย่างนี้เรียกว่าสัมมาสมาธิ นิวรณ์ทั้งห้าไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้

สมาธิที่เรานั่งสมาธิตอนเช้า กลางวัน เย็น เป็นสมาธิเพื่อเสริมพลัง ให้ใจของเราแข็งแรง เพื่อเราจะได้พักผ่อนใจ พักผ่อนกาย พักผ่อนสมอง เพื่อเราจะได้ซ่อมแซมร่างกาย ซ่อมแซมสมอง เอาลมหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย หล่อเลี้ยงสมอง ถ้าเราพักผ่อนสมองได้มาก เราก็ได้ซ่อมแซมร่างกายซ่อมแซมสมองได้มาก เหมือนกับเราขับรถทั้งวัน เราต้องพักผ่อนรถยนต์ของเรา ดับเครื่องไว้ พักผ่อนไว้ก่อน เราต้องมีสัมมาสมาธิทั้งวัน เพื่อเป็นพื้นเป็นฐานรองรับให้ใจของเราเกิดปัญญา ปัญญาจะได้เป็นพื้นเป็นฐานรองรับให้เกิดธรรมะ ธรรมะจะได้เป็นพื้นเป็นฐานรองรับวิมุติความหลุดพ้น ใจของเราจะได้เข้าถึงพระนิพพานในชีวิตประจําวัน

พระพุทธเจ้าท่านเมตตาสอนเราให้ใช้ร่างกายนี้เหมือนเราใช้รถคันหนึ่งที่เราขับขี่สําหรับเดินทางไกล ใช้เรือลําหนึ่งสําหรับข้ามมหาสมุทรให้เราขับเครื่องบินบินไปถึงจุดหมายปลายทาง เมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้วเราก็ทิ้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ใจของเราก็จะถึงพระนิพพานหมดกิเลสสิ้นอาสวะ

ค่ำคืนวันนี้ คณะสงฆ์ พระมหาเถระ พระเถระ มาจากหลายวัด ทั่วประเทศไทย พร้อมด้วยญาติ ๆ คณะกรรมการผู้บริหารบริษัทไทยทีวีสีช่อง ๓ พร้อมด้วยพนักงาน เจ้าหน้าที่ ญาติธรรม แขกผู้มีเกียรติ ได้บําเพ็ญบุญบําเพ็ญกุศลพิเศษให้กับคุณพ่อวิชัย มาลีนนท์ ที่ท่านได้ละสังขารวายชนม์จากไปแล้วไปเลย ไปไม่กลับ

มหาบุญมหากุศลที่คณะสงฆ์ พระมหาเถระ ลูกหลาน ญาติพี่น้อง วงศ์ตระกูล คณะกรรมการผู้บริหารบริษัทไทยทีวีสีช่อง ๓ พร้อมด้วยพนักงาน เจ้าหน้าที่ ญาติธรรม ได้บําเพ็ญมหาบุญมหากุศลพิเศษ ขอมอบให้ส่งให้บูชาคุณคุณพ่อวิชัย มาลีนนท์ ขอเชิญคุณพ่อวิชัย มาลีนนท์ จงรับอนุโมทนาในมหาบุญมหากุศลที่ได้อุทิศมอบให้ ถ้าหากมีทุกข์ใดอยู่ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ถ้ามีความสุขอยู่แล้วก็มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปตลอดกาลนิรันดร์ เข้าสู่สวรรค์ มรรคผล พระนิพพาน ณ โอกาสนี้

ขออํานวยอวยชัยเอาคุณพระศรีรัตนตรัย คือคุณของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของพระอริยสงฆ์ ให้ทุกท่านทุกคนที่ได้บําเพ็ญกองการมหากุศล ณ คืนนี้ จงเจริญงอกงามไพบูลย์ คือ ตั้งอยู่ในคุณธรรม ได้แก่ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ด้วยกัน ทุกท่านทุกคน ณ โอกาสนี้ด้วยเทอญ…

โอวาทขององค์หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตามอบให้ ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

แสดงความคิดเห็น

แสดงความเห็น