วัดไทย

วัดพระธาตุจอมกิตติ เชียงใหม่

วัดพระธาตุจอมกิตติ เชียงใหม่

วัดพระธาตุจอมกิตติ (วัดพระธาตุดอยกิจจิ) บ้านพระธาตุ  ต.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

วัดพระธาตุจอมกิตติ (วัดพระธาตุดอยกิจจิ) สมัยนั้น กำนันที่นั่นเล่าว่า บนดอยนี้เดิมเป็นที่รกร้าง แต่มีชาวบ้านเห็นเป็นแสงสว่างจ้าปรากฏในเวลากลางคืน ซึ่งมีคนเห็นหลายคนในบริเวณไม่ไกลจากดอยนั้น ต่างก็พูดตามที่ตนเห็นตรงกัน ต่อมาก็มีพระธุดงค์องค์หนึ่งท่านทราบด้วยญาณว่า บนดอยแห่งนี้มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ จึงดำริที่จะสร้างวัดขึ้นบนดอยแห่งนี้ ปรากฏว่าได้รับแรงสนับสนุนจากชาวบ้านแถบนั้น ซึ่งมีกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำร่วมใจกันแผ้วถางเพื่อให้รถขึ้นบนดอยได้สะดวก และจัดการสร้างพระเจดีย์ไว้ ณ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แสงสว่างที่ปรากฏนั้น ท่านว่าเป็นเพราะปาฏิหาริย์ของพระธาตุ

วัดพระธาตุจอมกิตติ เชียงใหม่
วัดพระธาตุจอมกิตติ เชียงใหม่

พระธุดงค์ (ครูบาชุ่ม โพธิโก) ท่านเล่าต่อไปว่า สถานที่บนดอยนี้เคยเป็นวัดมาก่อนประมาณ ๓๐๐ ปี ซึ่งจะสังเกตได้จากพื้นดินปรากฏมีเศษกระเบื้องชิ้นเล็กๆ อยู่กลาดเกลื่อน บนดอยแห่งนี้เคยสร้างเป็นวัดมา ๒ วาระแล้ว ครั้งนี้เป็นวาระที่ ๓ ซึ่งท่านมีหน้าที่จะต้องสร้างเป็นครั้งสุดท้าย

กำนันผู้นั้นเล่าให้ฟังต่อไปว่า สมัยครูบาเจ้าศรีวิชัยยังมีชีวิตอยู่ ได้เคยอาราธนาท่านมาสร้างวัด แต่ท่านปฏิเสธพร้อมกับบอกว่า สถานที่นี้ต้องรอเจ้าของเขามาสร้าง ซึ่งจะเป็นศิษย์ของท่านเอง โดยจะเริ่มสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๑๘

กำนันบอกว่าตรงกับคำทำนายไว้ทุกประการ ส่วนพระธุดงค์องค์นั้นท่านเล่าต่อไปว่า สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาสถานที่นี้หลายครั้ง เพราะพระองค์ทรงทราบด้วยพระญาณว่า ศาสนาของพระองค์จะมาสืบต่อ ณ ประเทศสยาม ด้วยเหตุนี้เอง ชาวบ้านทั้งหลายโดยการนำของพระธุดงค์รูปนั้น ซึ่งมีนามว่า หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก ศิษย์ผู้ใกล้ชิดครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย จึงได้สร้างวัดขึ้นในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และจะตั้งชื่อวัดนี้ว่า “วัดพระธาตุดอยกิจจิ”

พระพุทธบารมี ศิริมุนี จอมกิตติ - ภาพโดย Yok Piyapong
พระพุทธบารมี ศิริมุนี จอมกิตติ – ภาพโดย Yok Piyapong

ตำนานและประวัติวัดพระธาตุดอยกิจจิ

ตำนานวัดพระธาตุดอยกิจจินี้ ปางเมื่อพระพุทธองค์เราเสด็จมาถึงที่นี้ ครั้งที่หนึ่งจะมาวางประทับเหยียบย่ำที่นี่ก็ไม่มีอันใดจักเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าก็กลับไปโปรดเบื้องหน้าทิศหนึ่ง ครั้นมาครั้งที่สองก็เข้ามาในสถานที่นี้มาลูบหัวก็ไม่ได้เกศาอะไร พระพุทธเจ้าก็เลยลอยขึ้นด้วยอิทธิฤทธิ์แล้วก็เปล่งรัศมีออกไปสี่ทิศ มีพระพุทธรูปสี่องค์องค์ที่หนึ่งที่สองเอาหลังเข้ามาบด้วยกัน แล้วเบนหน้าไปสองทิศ คือทิศตะวันตกและทิศตะวันออก

องค์ที่สองก็เบนหน้าขึ้นเหนือล่องใต้ มีพระอินทร์มารับเอาที่พระเนรมิตนั้นแหละฝังลงในพระบรมธาตุเจ้าลึกอยู่สิบสองศอก เป็นที่สักการบูชาแก่คนและเทวดา ในฐานะที่พระบรมธาตุเจ้านี้เป็นที่พระเนรมิตด้วย

วัดพระธาตุดอยกิจจิ (วัดพระธาตุจอมกิตติ) สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. ๒๔๘๔ บางปีขาดพระภิกษุ สามเณร อยู่จำพรรษา จึงถูกไฟป่าเผาผลาญสิ่งก่อสร้าง สิ้นสภาพเป็นวัด เหลืออยู่แต่พระบรมธาตุเจดีย์ พระสงฆ์และประชาชนในถิ่นนั้นนิยมเลื่อมใสถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้นำพากันเสริมสร้างถาวรวัตถุเพื่อให้มีสภาพเป็นวัด

ที่มา: เว็บไซต์แดนนิพพาน

แสดงความคิดเห็น
เว็บไซต์พุทธะ
คำว่า “พุทธะ” นอกจากจะหมายถึง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังหมายถึง การเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน โดยการปฏิบัติธรรมตามหลักธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกด้วย

แสดงความเห็น