พระเจ้าพิมพิสาร คือกษัตริย์ผู้ครองนครราชคฤห์แห่งแคว้นมคธ สมัยยังทรงเป็นราชกุมาร ทรงเป็นอทิฏฐสหาย คือสหายที่ไม่เคยพบเห็นกัน กับเจ้าชายสิทธัตถะ และพระองค์ทรงได้ พระนางเวเทหิ พระกนิษฐภคินี น้องสาวของพระเจ้าปเสนทิโกศลกษัตริย์ผู้ครองแคว้นโกศลเป็นมเหสี
เมื่อยังทรงเป็นพระราชกุมาร พระองค์เคยทรงตั้งความปรารถนาไว้ ๕ ประการ คือ
- ขอให้ได้อภิเษกในราชสมบัติ เป็นพระเจ้าแผ่นดินแคว้นมคธ
- ขอให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสู่แว่นแคว้นมคธ
- ขอให้ได้เข้าไปนั่งใกล้พระอรหันต์
- ขอให้พระอรหันต์นั้นทรงแสดงธรรมโปรด และ
- ขอให้ได้รู้ธรรมของพระอรหันต์นั้น
เมื่อพระเจ้าพิมพิสาร ได้รับการกราบทูลรายงานจากเหล่าราชบุรุษว่า ชาวเมืองต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงบรรพชิตผู้หนึ่งที่เข้ามาบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ เป็นผู้ที่มีรูปลักษณะงดงามประหนึ่งเทพยดา พระองค์จึงสั่งให้สะกดรอยตามเพื่อสืบข่าว ครั้นเหล่าราชบุรุษกลับมากราบทูลว่าบรรพชิตผู้นั้นเป็นนักบวชผู้มีจริยวัตรสงบเสงี่ยมงดงามสมเพศบรรพชิต พระองค์มีพระประสงค์จะเข้าเฝ้าจึงเสด็จด้วยพระราชยานออกจากพระนครมุ่งหน้าสู่บัณฑวบรรพต
ครั้นได้สนทนากับพระบรมโพธิสัตว์ ทราบว่าเป็นเจ้าชายแห่งศักยราชสกุลจากกบิลพัสด์ผู้เป็น อทิฏฐสหาย พระเจ้าพิมพิสารเข้าใจว่าเจ้าชายสิทธัตถะคงจะทรงพิพาทกับพระประยูรญาติด้วยเรื่องราวสมบัติเป็นเหตุให้เสด็จออกบรรพชาจึงตรัสชักชวนให้เสวยราชย์สมบัติอยู่ในแคว้นมคธ โดยแบ่งราชสมบัติให้ครอบครอง แต่พระบรมโพธิสัตว์ทรงปฏิเสธด้วยพระองค์ได้สละราชสมบัติออกบรรพชาเพื่อหาทางหลุดพ้นจากสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด มุ่งแสวงหาพระปรมาภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ญาณ คือ ความเป็นผู้ตรัสรู้ธรรมทั้งปวงโดยแท้ พระเจ้าพิมพิสารจึงทรงกราบทูลอนุโมทนาว่า
“พระองค์จะต้องได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าโดยเที่ยงแท้ ถ้าได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว ขออัญเชิญพระองค์ทรงพระกรุณาเสด็จมาแสดงธรรมโปรดข้าพเจ้าและชาวราชคฤห์ด้วย”
ครั้นพระบรมโพธิสัตว์มหาบุรุษทรงรับปฏิญาณว่า “สาธุ” แล้ว มหาราชแห่งมคธจึงเสด็จกลับพระนคร ซึ่งในภายหลังพระเจ้าพิมพิสารได้ฟังธรรมเมื่อพระองค์ท่านได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ทรงบรรลุโสดาปัตติผล เป็นพระโสดาบันและเป็นผู้สร้าง วัดเวฬุวันมหาวิหาร อันเป็นวัดแรกในพระพุทธศาสนา