หลังจากจบพระธรรมเทศนาแล้ว เหล่าพระประยูรญาติทั้งหลายต่างถวายมนัสการทูลลาคืนกลับสู่พระราชสถานแห่งตน มิได้มีผู้ใดกราบทูลอาราธนาให้มารับบิณฑบาตแม้แต่พระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดา ด้วยพระองค์เข้าใจว่าพระบรมศาสดาเป็นพระโอรส เมื่อถึงเวลาเช้าพระพุทธองค์คงเสด็จมาเสวยพระกระยาหารในพระราชนิเวศน์พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์ทั้งปวง การกล่าวอาราธนาเสียอีกกลับจะกลายเป็นว่าพระศาสดาเป็นคนอื่นมิใช่พระโอรสแห่งสกุลศากยะ คิดดังนี้แล้วพระเจ้าสุทโธทนะจึงรีบเสด็จกลับพระราชนิเวศน์รับสั่งให้เจ้าพนักงานจัดอาหารอันประณีตไว้อย่างพร้อมมูล
ครั้นถึงเวลารุ่งเช้า พระพุทธองค์ทรงพิจารณาว่า พระพุทธเจ้าในปางก่อน เมื่อเสด็จมาประทับอยู่ ณ พระนครของพระพุทธบิดาแล้ว ทรงปฏิบัติอย่างไร เมื่อทรงทราบด้วยพระญาณว่า พระพุทธเจ้าในปางก่อนได้เสด็จไปบิณฑบาตตามหมู่บ้านเพื่อโปรดหมู่ชนทั้งปวง พระบรมศาสดาจึงเสด็จพุทธดำเนินบิณฑบาตไปตามท้องถนนหลวงพร้อมเหล่าภิกษุสงฆ์ขีณาสพ บรรดาอาณาประชาราษฏร์เมื่อได้ชื่นชมพระบารมีต่างมีความปีติยินดีปราโมทย์ประนมมือถวายอภิวาทพร้อมแซ่ซ้องสาธุการดังไปทั่วทั้งพระนคร
เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบว่าพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จออกบิณฑบาตพร้อมเหล่าภิกษุสงฆ์จึงทรงเสียพระทัยด้วยทรงเห็นว่าการเสด็จพุทธดำเนินโปรดสัตว์ตามถนนหลวงนั้นเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติยศ อันจะทำใหชาวเมืองดูหมิ่นดูแคลนว่าเหล่าประยูรญาติและพระพุทธบิดตั้งข้อรังเกียจมิได้อุปถัมภ์ จึงรีบเสด็จพระดำเนินมาหยุดอยู่ในที่เฉพาะพระพักตร์พระศาสดาแล้วกราบทูลตัดพ้อว่า “ไฉนพระองค์กระทำให้ข้าพเจ้าได้รับความอัปยศเช่นนี้” พระบรมศาสดาจึงทรงอรรถาธิบายธรรมเนียมของพระสมณะแล้วแสดงพระธรรมเทศนาอริยวังสิกสูตรโปรดพระพุทธบิดาโดยพระอิริยาบถยืนถือบาตรอยู่ ณ ที่นั้น แม้พระเจ้าสุทโธทนะก็ทรงประทับยืนฟังโอวาท เมื่อจบพระธรรมเทศนาพระพุทธบิดาก็สำเร็จพระโสดาปัตติผล กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมพระสงฆ์สาวกให้เสด็จไปรับอาหารบิณฑบาต ณ พระราชนิเวศน์
ครั้นวันรุ่งขึ้น หลังจากพระศาสดาเสด็จพุทธดำเนินไปรับภัตตาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์พร้อมเหล่าภิกษุสงฆ์และกระทำภัตกิจแล้ว จึงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระนางมหาปชาบดีจนได้บรรลุพระโสดาปัตติผล ส่วนพระเจ้าสุทโธทนะนั้นได้บรรลุพระสกทาคามิผล และในวันที่สามเมื่อพระบรมศาสดาทรงเสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระพุทธบิดาก็ได้บรรลุพระอนาคามิผล